ข้อคิดเห็น ประธาน กพฐ. กรณีการยุบ-เลิก โรงเรียนขนาดเล็ก

571

หลังจากที่กลายเป็นประเด็นและกระแสที่ร้อนแรงอยู่ในโลกโซเซี่ยล จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตั้งเป้าควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก 15,000 โรงเรียนแห่งทั่วประเทศ เนื่องจากบางโรงเรียนมีนักเรียนน้อยมาก เพื่อให้เด็กได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น จนทำให้ครูหนุ่มรายหนึ่งโพสผ่านเพจเฟสบุ๊คเพื่อวอนให้ สพฐ. ได้ทบทวน จนเป็นกระแสที่ร้อนแรงนั้น

(วันนี้) 25 พ.ค. 62 เฟสบุ๊คส่วนตัวของ รองศาสตราจารย์ ดร. เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้มีการโพสแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยมีข้อความว่า

“เรียนผู้บริหาร ครู อาจารย์ นักการศึกษาและผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกท่าน

ตามที่มีข่าวข้อเสนอแนะของ กพฐ. เกี่ยวกับการยุบโรงเรียน ผมขออนุญาตชี้แจงให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับการยุบโรงเรียนของ สพฐ. ตรงกันนะครับ ข้อมูลที่ผมได้มาจาก กระทรวงศึกษาฯ เมื่อปีที่แล้ว มีโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศประมาณ 18,000 โรงเรียน (คิดเป็นประมาณ 50% ของโรงเรียนทั้งหมดทั่วประเทศครับ) สำหรับโรงเรียนบนเกาะ หรือ ชายขอบ หรือที่ทุรกันดารห่างไกลซึ่งจำเป็นต้องมีอยู่ คิดว่าไม่น่าจะอยู่ในโรงเรียนเป้าหมาย 15,000 โรงเรียนครับ การยุบ หรือใช้ว่าควบรวม (เพื่อไม่ให้เสียความรู้สึกหรือแรงต้าน) ก็ตามต่างมีเป้าหมายเพื่อคุณภาพการศึกษาของเยาวชนไทยทั้งสิ้น ผมเคยเสนอให้ สพฐ. ใช้หลัก SCC เมื่อปีที่แล้วคือ

Stand alone ใช้สำหรับโรงเรียนห่างไกลนักเรียนเดินทางมาเรียนลำบาก มีความจำเป็นต้องเปิด ไม่ว่าจะมีนักเรียนกี่คนก็ไม่ควรปิด ในทางตรงกันข้าม สพฐ. กลับต้องหาทางช่วยเหลือ โดยอาจมีการสร้างเรือนพักนอน จัดสรรงบค่าอาหารให้ นักเรียนยากจนเหล่านี้ เพื่อจูงใจให้มีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

Combined คือการควบรวมโรงเรียนใกล้กันที่สามารถทำได้และไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของนักเรียนแต่อย่างใด อาจมีงบประมาณของ สพฐ. ช่วยเหลือค่าเดินทางหรือพื้นที่สามารถจะประสานงานกับ อบต. อปท. ให้ความช่วยเหลือได้ (เหมือนที่ขอความช่วยเหลือเรื่องอาหารเช้า อาหารกลางวันของเด็กในบางพื้นที่)

Closed คือโรงเรียนที่สมควรปิดหรือยุบครับเพราะนักเรียนน้อยมาก และสามารถเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนใกล้เคียงโดยไม่เดือดร้อนมากนัก ซึ่งต้องแก้ระเบียบ ประกาศ ที่เป็นอุปสรรคทั้งหลายครับ เพราะมีหลายโรงเรียนอยู่ในกรณีนี้ แต่ไม่ยอมยุบตัวเองครับแล้วใช้ระเบียบ ประกาศเก่าๆ เมื่อสิบหรือยี่สิบปีที่แล้วมาใช้เป็นข้ออ้าง (จึงได้ขอให้สพฐ. ไปทบทวนระเบียบปฏิบัติ คำสั่งเก่าๆที่เป็นอุปสรรคทั้งหมด) หาเหตุที่จะไม่ยอมปิดโรงเรียนทั้งๆ ที่บางห้องมีนักเรียน 2-4 คน แล้วคุณภาพของการเรียนการสอนนักเรียนจะดีขึ้นได้อย่างไร

กระทรวงศึกษาธิการได้รับรายงายการวิจัยของธนาคารโลกเมื่อต้นปีนี้ เกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้งบประมาณแผ่นดินด้านการศึกษาและคุณภาพการศึกษาที่เกิดขึ้นจากการใช้งบประมาณที่ได้รับ แล้วพบว่าใช้งบประมาณมากขึ้นแต่คุณภาพการศึกษาของเยาวชนไทยไม่ได้ดีขึ้นตามงบประมาณที่ได้รับอย่างชัดเจน มีข้อเสนอแนะในเรื่องการยุบโรงเรียน ยุบชั้นเรียน และต้องจัดให้มีครูครบขั้นทุกโรงเรียนขณะเดียวกันก็จะเป็นการเพิ่มสัดส่วนนักเรียนต่อห้องให้มากขึ้นเพื่อประสิทธิภาพการใช้งบประมาณและคุณภาพศึกษาของเยาวชน

ถ้าสังคมไทย คนไทยไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงด้วยเหตุผล และข้อมูล มัวแต่รักษาหน้า และใช้ความรู้สึกมากกว่าความจริงและไม่ยอมรับเหตุผลที่ดีกว่า จะแก้ปัญหายากครับ การใช้คำว่ายุบ อาจเสียความรู้สึก จึงใช้คำว่าควบรวมผมก็เคยใช้คำนี้เช่นกัน จากการลงพื้นที่พบว่าโรงเรียนขนาดเล็กใกล้กันสองโรงเรียนในจังหวัดหนึ่งมีนักเรียนรวมกันทั้งสองโรงเรียนไม่ถึง 100 คน นักเรียนเดินทางมาทั้งสองโรงเรียนได้สะดวกไม่ถึง 5 นาที แต่โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งไม่ยอมยุบตัวเอง กลับใช้วิธีควบรวมนักเรียนนักเรียน ป. 1,2,3 ของโรงเรียนหนึ่งไปเรียนกับอีกโรงเรียนหนึ่ง และนำนักเรียน ป. 4,5,6 ของอีกโรงเรียนหนึ่งมาเรียนรวมกับอีกโรงเรียนหนึ่งเช่นกัน ทั้งๆที่สามารถยุบโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งได้แต่กลับใช้ควบรวม นำนักเรียนมาเรียนรวมกัน (นี่คือตัวอย่างที่ได้เห็นของจริงมาแล้วครับ) และอ้างว่าชุมชนไม่ยอมให้ยุบ (ความจริงบางสถานศึกษาผู้บริหารไปให้ข้อมูลกับชุมชนในทำนองอย่ายุบโรงเรียน)

หากเราสามารถยุบโรงเรียนใดได้แล้วนำสถานที่ให้ กศน. ใช้ หรือ อบต. ใช้เป็นศูนย์กลางพัฒนาคุณภาพชีวิตหรือส่งเสริมอาชีพชุมชน ชาวบ้านในชุมชนก็จะมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นครับ

อนึ่งอำนาจการยุบ เลิกโรงเรียนเป็นของเขตพื้นที่และศึกษาจังหวัดไม่ใช่ของ กพฐ. โดยตรงครับ แต่หาก กพฐ. ได้รับทราบผลการวิจัยของธนาคารโลกซึ่งใช้งบประมาณไปมากพอสมควร แล้วไม่นำผลการวิจัย มาทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้ สพฐ. เขตพื้นที่ หรือศึกษาจังหวัดพิจารณานำไปสู่การปฏิบัติเหมือนงานวิจัยการศึกษาอื่นๆ ที่ผ่านมา เราจะสร้างคุณภาพการศึกษาของเยาวชนไทยในอนาคตให้ดีขึ้นได้อย่างไร”

เอกชัย กี่สุขพันธ์
ประธาน กพฐ
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒

Facebook Comments
Source Ekachai Keesookpun

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

You cannot copy content of this page